สถานการณ์ของ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ในเวลานี้ค่อนข้างเสี่ยงกับการตกชั้นครั้งแรกนับตั้งแต่ซีซั่น 1950-1951 เนื่องจากผลงานของทัพ เอฟเวอร์ตัน ในตอนนี้ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยแม้จะเปลี่ยนกุนซือเป็นแฟร้งค์ แลมพาร์ด แล้วก็ตาม
แฟร้งค์ แลมพาร์ด เข้ามากุมบังเหียนสโมสรแทน ราฟาเอล เบนิเตซ เซ่นผลงานสุดห่วย โดนเฉดหัวออกไป ทำผลงาน ชนะ 7 จาก 22 เกม จากการคุมทัพแค่ 6 เดือน โดยการมาของ ตำนานสโมสรเชลซี ไม่ได้ช่วยทำให้ผลงานของ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน กระเตื้องขึ้นมาเลย ทั้งๆ ที่พวกเขามีการเสริมทัพกันมากพอสมควรในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ รอบ 2 เดือนมกราคม
แต่ทว่าผลงานของ แลมพาร์ด ก็ไม่ได้ดีไปกว่า ราฟาเอล โดยเขาทำทีมแพ้ 5 จาก 8 เกมลีก ทำให้อันดับในตารางลีกเวลานี้ ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ซึ่งเคยเป็นหนึ่งใน 6 ทีม ที่ยังไม่เคยร่วงจากศึกพรีเมียร์ลีก อยู่ที่ 17 มี 25 คะแนน จากการลงสนาม 27 แมตช์ ห่างจากโซนตกชั้นเพียง 3 แต้มเท่านั้น
จะว่าไปแล้ว ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เป็นสโมสรที่มีขุมกำลังดีพอสมควรทั้ง ริชาร์ลิซอน, จอร์แดน พิคฟอร์ด, โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิน, อันเดร โกเมส, เดเล่ อัลลี่ และ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค เป็นต้น แต่ฟอร์มของทีมนับวันมีแต่จะดาวน์ลงเรื่อยๆ
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ต้องยอมรับว่าสาวก เอฟเวอร์ตันทั่วโลก รู้สึกเป็นห่วงทีมรักเหลือเกิน เพราะจากประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก เคยมี 5 สโมสรชั้นนำ ต้องโบกมืออำลาการแข่งขันรายการนี้มาแล้ว
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2008-2009
ในฤดูกาลดังกล่าว ถือเป็นสิ่งที่สุดเลวร้ายของเหล่ากองทัพ ทูน อาร์มี่ อย่างแท้จริง เพราะพวกเขาต้องร่วงตกชั้น โดยในเวลานั้น นิวคาสเซิ่ล ใช้ผู้จัดการทีมไปถึง 4 คนได้แก่ เควิน คีแกน, โจ คินเนียร์, อลัน เชียเรอร์ และ คริส ฮิวจ์ตัน ตำนานสโมสร ที่ทำผลงานมัดรวมกันแล้วชนะเพียง 7 เกม และไม่สามารถช่วยฉุดทีมขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตามในช่วงโค้งสุดท้ายที่ ฮอตชอต คุมทัพ เขาพยายามกระตุ้นทีมอย่างเต็มที่ และเกือบทำสำเร็จ แต่สุดท้าย นิวคาสเซิ่ล จบอันดับ 18 มีคะแนนห่างโซนปลอดภัยแค่แต้มเดียวเท่านั้น
ในเวลานั้น สาลิกาดง เป็นทีมที่รวมนักเตะชั้นนำหลายคนทั้ง ไมเคิ่ล โอเว่น, โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์, เดเมี่ยน ดัฟฟ์, นิคกี้ บัตต์, โฆเซ่ เอ็นรีเก้, มาร์ค วิดูก้า และ โจอี้ บาร์ตัน แต่ก็ไม่สามารถรอดจากหายนะได้
ลีดส์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2003-2004
กรณีของ ยูงทอง ลีดส์ ยูไนเต็ด ไม่ต่างอะไรกับ สาลิกาดง นิวคาสเซิ่ล เพราะพวกเขาได้ชื่อว่าเป็นสโมสรใหญ่ที่ตกต่ำเร็วเกินไป ในปี 2004 ยอดทีมแห่งถิ่นเอลแลนด์ โรด ต้องอำลาลีกสูงสุดเมืองผู้ดี และไม่ได้หวนกลับมาเล่นอีก ยาวนานถึง 16 ปีเลย แถมยังมีหล่นลงไปเล่นใน ลีก วัน ถึง 3 ซีซั่นซะด้วย
ฤดูกาล 2003-2004 ทัพ ลีดส์ ยูไนเต็ด ชนะแค่ 8 เกมเท่านั้น ส่งผลให้พวกเขารั้งอันดับ 19 ในตารางพรีเมียร์ลีก และเสียประตูมากที่สุดในลีกถึง 79 ประตู อีกทั้งสโมสรยังมีปัญหาด้านการเงินด้วย ทำให้สถานการณ์ของทีมยิ่งย่ำแย่เข้าไปอีก
ยูงทอง ยอดทีมแห่งย่านยอร์คเชียร์ ถือว่ามีขุมกำลังที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียวทั้ง วิดูก้า, พอล โรบินสัน, อลัน สมิธ, นิคกี้ บาร์มบี้, อารอน เลนน่อน และ เจมส์ มิลเนอร์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยให้ ลีดส์ ยูไนเต็ด อยู่รอดได้
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2002-2003
แม้ว่าจะมีแต้มมากกว่า 40 คะแนน แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ ขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด รอดจากการตกอันดับ ปกติแล้วการที่สโมสรสามารถเก็บได้ถึง 42 คะแนน น่าจะถือว่าสูงมากพอที่จะทำให้พวกเขาหลุดจากโซนตกชั้นได้
ลองนึกดูก็แล้วกันว่า เวสต์แฮม เคยเก็บได้ 42 คะแนนในซีซั่น 2017-2018 และพวกเขาจบฤดูกาลในอันดับ 13 ซึ่งจะเห็นได้ว่าด้วยแต้มที่เท่ากัน แต่ในฤดูกาล 2002-2003 สถานการณ์ของสโมสรกลับกันอย่างสิ้นเชิง
ตอนนั้นทาง ขุนค้อน ถือว่าเป็นทีมที่มีนักเตะชั้นยอดมากมายทั้ง เจอร์เมน เดโฟ, ไมเคิ่ล คาร์ริค, เปาโล ดิ คานิโอ, โจ โค, เลส เฟอร์ดินานด์, เทรเวอร์ ซินแคลร์ , เดวิด เจมส์ และอีกหลายๆ คน แต่สุดท้ายบทสรุปกลับกลายเป็นเรื่องสุดเจ็บช้ำ
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มีคะแนนห่างจาก โบลตัน วันเดอเรอร์ส ทีมอันดับ 17 อยู่เพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น อย่างไรก็ตามพวกเขาสามารถกลับขึ้นมาในลีกสูงสุดได้สำเร็จ จากการเอาชนะในการเล่นเพลย์ออฟ และปัจจุบันผลงานของทีมก็ดีขึ้นมาก มีลุ้นไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปด้วย
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ฤดูกาล 1998-1999
ในซีซั่น 1993-1994 แบล็คเบิร์น สร้างผลงานสุดยอด ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จากนั้นในฤดูกาล 1997-1998 พวกเขาจบฤดูกาลในอันดับ 6 จากนั้นเมื่อเริ่มต้นฤดูกาล 1998-1999 พวกเขาทำผลงานได้ดีจนมีลุ้นที่จะคว้าแชมป์ลีกสมัยที่สอง ซึ่งในตอนนั้น รอย ฮ็อดจ์สัน ทำหน้าที่เป็นกุนซือ
ทัพ กุหลาบไฟ แบล็คเบิร์น มีแข้งชั้นดีอย่าง ดัฟฟ์, สเตฟาน อองโชซ์, เควิน เดวีส์, คริส ซัตตัน, ทิม เชอร์วู้ด และ ทิม ฟลาเวอร์ส แต่สุดท้ายแล้ว กุหลาบไฟ จบฤดูกาลในอันดับ 19 โดยชนะแค่ 7 เกมเท่านั้น
ช่วงเวลานั้น ฮ็อดจ์สัน โดนสั่งปลดกลางฤดูกาล เนื่องจากผลงานของสโมสรสุดเลวร้าย ที่สำคัญที่สุดก็คือไม่มีแข้งคนไหนในทีมที่สามารถยิงประตูในลีกได้มากกว่า 5 ลูก
มิดเดิลสโบรช์ ฤดูกาล 1996-1997
แม้ว่าพวกเขาจะมีฮีโร่อย่าง ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่ และ จูนินโญ่ แต่ก็ไม่สามารถช่วย มิดเดิลสโบรช์ อยู่รอดในฤดูกาล 1996-1997 โดย สิงห์แดง ซัดไป 31 ประตูในทุกรายการ รวมทั้งตะบันแฮตทริกในเกมเสมอ ลิเวอร์พูล 3-3
ขณะที่ จูนินโญ่ ถือเป็นกองกลางชั้นเชิงสูง ที่เต็มไปด้วยเทคนิคแพรวพราว อย่างไรก็ตาม สิงห์แดง ไม่สามารถทำผลงานได้ดีอย่างที่ใจปรารถนา สุดท้ายพวกเขาต้องตกชั้น โดยมีแต้มห่างจากโซนปลอดภัยแค่ 2 คะแนนเท่านั้น
จากที่เริ่มต้นฤดูกาลอย่างแข็งแกร่งภายใต้การคุมทัพของ ไบรอัน ร็อบสัน พวกเขาชนะสาม และแพ้แค่เกมเดียวจาก 6 แมตช์แรก แต่หลังจากนั้นพวกเขาคว้าชัยชนะไม่ได้เลย ในช่วงระหว่างวันที่ 21 กันยายน ไปจนถึง 26 ธันวาคม
สุดท้าย มิดเดิลสโบรช์ จบซีซั่นในอันดับ 19 ตามหลัง ซันเดอร์แลนด์ อันดับ 18 แค่ 1 คะแนน และ โคเวนทรี กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งอยู่รอดปลอดภัยแบบเฉียดฉิว เพียง 2 แต้มเท่านั้น